เผยสะโพกผาย บั้นท้ายงอน ด้วยเสริมสะโพก
“ สะโพกผาย ” เป็นสะโพกที่สาว ๆ หลายคนชื่นชอบ เนื่องจากการมีสะโพกผายนั้น จะช่วยเพิ่มส่วนเว้า ส่วนโค้ง ส่งเสริมให้แก่สรีระสาว ๆ เป็นที่น่ามองของใครหลายคน แถมการมีปั้นท้ายที่งอนสวยจะช่วยเพิ่มความั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าต่าง ๆ อีกด้วยนะคะ สำหรับในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักหัตถการที่ชื่อว่าศัลยกรรม เสริมสะโพก ที่จะมาช่วยเนรมิตรบั้นท้ายในฝันให้แก่สาว ๆ กันค่ะ จะเป็นอย่างไรนั้นไปรับชมพร้อมกันเลย
เสริมสะโพกคืออะไร
สำหรับใครที่มีแก้มก้นแฟบ หรือบริเวณสะโพกเล็ก ไม่ต้องเสียใจ น้อยใจไปนะคะ เพราะด้วยนวัตรกรรมทางการแพทย์ที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องนั้นสามารถช่วยเนรมิตรบั้นท้ายที่งอนสวย และสะโพกที่สวยงามได้ ด้วยการทำหัตถการศัลยกรรมเสริมสะโพกนั่นเองค่ะ
การศัลยกรรมเสริมสะโพกคืออะไรนั้น หลายคนอาจมีข้อสงสัย ต้องขอบอกในที่นี้เลยว่าหัตถการดังกล่าวคือ การเพิ่มขนาดให้แก่สะโพกและแก้มก้นของเรานั่นเองค่ะ
สำหรับในประเทศไทยการเสริมสะโพกนั้น นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่งผลให้หลายคนเลือกฉีดสะโพกด้วยซิลิโคนเหลวตามสถานบริการที่ผิดกฏหมาย เพราะราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้รวมไปถึงผลลัพธ์หลังการฉีดซิลิโคนเหลวที่ช่วยให้สะโพกดูกลมสวยงามในระยะแรก ย้ำนะคะว่า “ในระยะแรก” เท่านั้น เมื่อระยะเวลาผ่านไปเกือบครบ 1 ปี จะพบปัญหาตามมานั่นก็คือการไหลย้อยของซิลิโคนเหลวบริเวณต้นขา ตรงนี้เป็นสาเหตุทีก่อให้เกิดพังผืดภายในต้นขา ส่งผลให้ผิวหนังแข็งกระด้างไม่สวยงามนั่นเองค่ะ
ปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนเทคนิคและวิธีการทำหัตถการเสริมสะโพกใหม่ ให้มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยเปลี่ยนจากการใช้ซิลิโคนเหลวมาใช้ถุงหรือแผ่นซิลิโคนแทน เทคนิคนี้จะเป็นการผ่าตัดนะคะ แถมยังพบปัญหาหลังการผ่าตัดน้อยมากอีกด้วยค่ะ
สะโพกแบบไหนที่ควรศัลยกรรม
โดยทั่วไปแล้วรูปร่างทรงนาฬิกาทราย นับว่าเป็นรูปร่างที่สะกดทุกสายตาของผู้พบเห็น ไม่ว่าจะสวมใส่ชุดแบบไหน เสื้อผ้าลักษณะใดก็ดูเข้ากัน ดูสวยงามไปหมด ในส่วนของการเสริมสะโพกนั้นต้องขอบอกก่อนเลยว่าขนาดความกว้างของสะโพกจะเป็นตัวกำหนดว่าควรใส่ถุงซิลิโคนขนาดเท่าใดเพื่อความสมส่วนของร่างกายนั่นเองค่ะ
สะโพกของเราสามารถแบ่งออกได้เป็นสามส่วนนะคะ ก็คือส่วนบน ส่วนกลาง และส่วนล่างนั่นเองค่ะ ซึ่งสะโพกที่สวยงามนั้นจำเป็นต้องมีสัดส่วนที่เหมาะสม ดังนั้นวันนี้จะพาไปทำความรู้จักสะโพกในรูปแบบต่างๆ เดี๋ยวมาลองเช็คกันนะคะว่าสะโพกของเรานั้นมีรูปทรงแบบไหนบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
- สะโพกแบบแรกจะเป็นแบบที่ด้านบนแคบ ส่วนล่างจะกว้างออก คล้ายกับรูปตัว A นั่นเอง ซึ่งลักษณะสะโพกแบบนี้ต้องเสริมสะโพกบริเวณด้านบน ส่วนดูดไขมันบริเวณด้านล่างร่วมด้วย เพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงามค่ะ
- สะโพกแบบที่สอง จะเป็นแบบด้านบนกว้าง ส่วนด้านล่างจะค่อนข้างแคบ คล้ายกับรูปตัว V ค่ะ ซึ่งสะโพกลักษณะนี้อาจมีการดูดไขมันบริเวณเอวร่วมด้วย เพื่อความสวยงามของบั้นท้ายนั่นเอง
- สะโพกแบบที่สาม จะเป็นแบบทรงกลม ต้องขอบอกก่อนเลยว่าลักษณะสะโพกนี้เกิดจากไขมันสะสมบริเวณส่วนล่างมากนั่นเองค่ะ
- และสะโพกแบบสุดท้าย แบบที่สี่ ก็คือแบบสี่เหลี่ยมนั่นเองค่ะ ต้องบอกก่อนเลยว่าการเสริมสะโพกจะช่วยให้รูปร่างดูดีขึ้น สำหรับสะโพกลักษณะนี้อาจมีการดูดไขมันบริเวณส่วนบน หรือส่วนล่างร่วมด้วยขึ้นอยู่กับกการพิจารณาของแพทย์นะคะ
จากที่กล่าวมาข้างต้น หลายคนคงจะทราบลักษณะของสะโพกรูปแบบต่าง ๆ กันไปแล้วนะคะ ต้องขอบอกว่าการเสริมสะโพกนั้นสามารถทำได้เฉพาะส่วนบน และส่วนกลาง นั่นหมายความว่าสามารถทำได้เฉพาะส่วนเท่านั้นนะคะ
ดังนั้นหัตถการนี้จึงสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ อย่างเช่น การดูดไขมัน, การฉีดไขมัน รวมไปถึงการตัดแต่งผิดหนังส่วนเกินร่วมด้วยนั่นเอง ทั้งนี้แพทย์จะพิจารณาจากความยืดหยุ่นของผิวหนังสะโพกของคนไข้ด้วยค่ะ
ไขข้อสงสัย เสริมสะโพก VS เสริมก้น
เมื่อกล่าวกถึงการเสริมสะโพก ก็จะมีอีกหลายคนที่เข้าใจผิด คิดว่าการเสริมสะโพกกับการเสริมก้นนั้นคือหัตถการเดียวกัน ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งสองหัตถการนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้จะพาไปดูกันนะคะว่า หันถการเสริมสะโพก และ หัตถการเสริมก้นนั้นต่างกันอย่างไร ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
-
การศัลยกรรมเสริมสะโพก
เป็นการเพิ่มความโดดเด่นให้สะโพก ช่วยให้สะโพกดูผายได้สัดส่วน โดยใช้เทคนิคการศัลยกรรมเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน, เทคนิคการดูดไขมัน หรือการใช้ซิลิโคนร่วมกับการดูดไขมัน โดยจะเน้นวางซิลิโคน หรือฉีดไขมันไปทางด้านข้างของสะโพก เพื่อให้สะโพกดูผาย มีสัดส่วนโค้งคล้ายลูกพีช จึงเหมาะสำหรับคนที่มีสะโพกเล็ก, หุ่นทรงกระบอกตรง และผู้ที่ต้องการเพิ่มความโค้งบริเวณสะโพก
-
การศัลยกรรมเสิรมก้น
เป็นหัตถการที่ช่วยเพิ่มความงอน กลมกลึงให้แก่บั้นท้ายของคนไข้ค่ะ โดยศัลยแพทย์จะวางซิลิโคนไว้บริเวณตรงกลาง เพื่อให้ก้นดูกลมกลึงมากขึ้น ดูงอนมากขึ้น จึงเหมาะกับคนไข้มีลักษณะก้นแบน ต้องการเพิ่มความนูนให้แก่ส่วนดังกล่าวค่ะ
สะโพกสวยด้วยศัลยกรรมมีทั้งหมดกี่แบบ
-
เทคนิคแรกเลยก็คือการฉีดไขมัน เพื่อเพิ่มให้สะโพกดูสวยโดดเด่นขึ้น
เป็นเทคนิคที่ใช้ไขมันจากร่างกายตัวเองมาฉีดเข้าไป เพื่อเสริมบริเวณสะโพก โดยจะใช้ไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายอย่างเช่น ต้นขา หน้าท้อง เป็นต้น วิธีนี้จะไม่พบสารแปลกปลอม และไม่พบอาการแพ้เนื่องจากใช้ไขมันของร่างกายตัวคนไข้เอง ถึงอย่างไรก็ตามการดูดไขมันจากจุดอื่นบนร่างกายเพื่อนำมาฉีดบริเวณดังกล่าวนั้น ย่อมทิ้งรอยแผลเป็นไว้อยู่แล้วนั่นเองค่ะ
-
เทคนิคที่สอง ก็คือเทคนิคการเสริมสะโพกโดยใช้ถุงซิลิโคนหรือแผ่นซิลิโคน
ศัลยแพทย์จะเปิดแผลขนาด 7 เซนติเมตร บริเวณร่องก้นหรือกลางกระดูกสันหลัง จากนั้นจะวางถุงซิลิโคนไว้ภายในกล้ามเนื้อ เพื่อให้รูปทรงสะโพกดูสวยเด่นขึ้นมา ต้องบอกก่อนเลยว่าเทคนิคนี้สามารถเสริมได้แค่สะโพกส่วนบนเท่านั้นนะคะ เนื่องจากหากเสริมสะโพกส่วนล่างจะก่อให้เกิดอันตรายต่อเส้นประสาทได้นั่นเองค่ะ
-
เทคนิคที่สาม เทคนิคสุดท้ายคือ การเสริมสะโพกร่วมกับการดูดหรือฉีดไขมันนั่นเองค่ะ
เพื่อความสวยงามของสะโพกที่สาว ๆ อยากได้ สำหรับคนไข้บางราย อาจมีการดูดไขมันร่วมกับการเสริมสะโพก หรือบางรายอาจฉีดไขมันร่วมกับการเสริมสะโพกด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะรูปทรงสะโพก รวมไปถึงปริมาณไขมันบริเวณดังกล่าวนั่นเองค่ะ สำหรับในปัจจุบันศัลยแพทย์นิยมวางถุงซิลิโคนไว้บริเวณใต้กล้ามเนื้อส่งผลให้สะโพกดูป่องๆ นูนๆ นั่นเอง
วัสดุที่นิยมนำมา เสริมสะโพก
วัสดุทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมนำมาเสริมสะโพกมีทั้งหมดสองชนิดนะคะ จะมีอะไรบ้างไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
-
แบบแรกเลยก็คือ ซิลิโคนชนิดแผ่น
ต้องขอบอกก่อนเลยว่า แค่เริ่มชนิดแรกขึ้นมาหลายก็คนก็เกิดข้อสงสัยกันแล้วใช่ไหมคะ ว่าซิลิโคนชนิดแผ่นนั้นมีลักษณะเป็นแบบไหน เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเห็นแต่แบบถุง เดี๋ยวในหัวข้อจะพาไปทำความรู้จักกับซิลิโคนแบบแผ่นที่ศัลยแพทย์นำมาใช้ในการเสริมสะโพกกันนะคะ
ซิลิโคนชนิดแผ่นนั้นก็คือแท่งซิลิโคนที่ผลิตขึ้นมาสำหรับเสริมสะโพก โดยมีลักษณะคล้ายๆกับซิลิโคนแท่งที่ใช้สำหรับเสริมจมูก แต่จะถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่กว่า มีรูปร่างโค้งงอตามสรีระของสะโพกนั่นเองค่ะ ดังนั้นก่อนจะทำการผ่าตัดทุกครั้ง ศัลยแพทย์จะต้องเตรียมตัววัดขนาดก่อนลงมือทำการผ่าตัด แต่ต้องเป็นขนาดที่แน่นอนและเหมาะสมกับสรีระสะโพกของคนไข้นะคะ เพราะว่าหลังจากที่วัดขนาดมาแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนขนาดได้นั่นเอง
-
แบบที่สอง แบบถุงเสริมสะโพกเทียม หรือถุงซิลิโคน
แบบนี้ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่าเป็นแบบที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ซึ่งเจ้าตัวซิลิโคนถุงนี้ ภายในจะบรรจุซิลิโคนเจล ก็คือต้องเป็นซิลิโคนเจลเท่านั้นนะคะ เพราะอัตราการรั่วของถุงซิลิโคนเจลนั้นมีน้อยกว่า ต้องบอกก่อนเลยว่าศัลยแพทย์จะทำการใส่ถุงซิลิโคนในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่มีการเคลื่อนไหว แรงกดทับสูงนั่นเอง
ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า แล้วซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอกกับซิลิโคนที่ใช้เสริมสะโพกคือตัวเดียวกันไหม ต้องบอกก่อนเลยว่า คนละตัวกันนะคะ เพราะซิลิโคนสำหรับเสริมสะโพกจะต้องเป็นซิลิโคนชนิดแข็งแรงและเหนียวกว่าถุงซิลิโคนที่ใช้สำหรับเสริมหน้าอก ในส่วนของรูปร่าง ซิลิโคนสหรับเสริมสะโพกก็จะมีลักษณะแบนกว่าและกว้างกว่าซิลิโคนสำหรับเสริมหน้าอกนั่นเองค่ะ
ตำแหน่งการวางซิลิโคนเสริมสะโพก
ในส่วนของการวางถุงซิลิโคนสำหรับเสริมสะโพกนั้น หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นจุดเดียวกับการเสริมก้น ต้องขอบอกก่อนเลยว่าทั้งสองหัตถการนี้คล้ายคลึงกัน แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่ผลลัพธ์และตำแหน่งของการวางถุงซิลิโคนค่ะ ในบทความนี้จะขอเน้นไปในเรื่องของหัตถการเสริมสะโพก ซึ่งตำแหน่งของการวางถุงซิลิโคนจะมีด้วยกันทั้งหมดสามจุดนะคะ จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
-
บริเวณใต้ผิวหนัง
วิธีนี้จะมองเห็นความนูนของสะโพกได้อย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นการวางถุงซิลิโคนหรือแผ่นซิลิโคนไว้เหนือกล้ามเนื้อ ไม่เป็นอันตรายต่อเส้นประสาท ถึงอย่างไรการวางถุงซิลิโคนหรือแผ่นซิลิโคนเหนือชั้นกล้ามเนื้อนั้นย่อมมีอันตรายค่ะ เนื่องจากอาจเกิดการทะลุของถุงซิลิโคนหรือแผ่นซิลิโคนได้นั่นเอง
-
วางถุงซิลิโคนหรือแผ่นซิลิโคนระหว่างชั้นกล้ามเนื้อ
เป็นการวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ หรือระหว่างกล้ามเนื้อ โดยศัลยแพทย์?จะเปิดช่องว่างระหว่างสะโพก 2 มัด ก็คือกล้ามเนื้อสะโพกมัดบนและมัดล่าง จากนั้นใส่ถุงซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ การเปิดโพรงใต้กล้ามเนื้อนั้น อาการเจ็บปวดหลังเข้ารับการผ่าตัดจะมากกว่าเทคนิคการผ่าตัดใต้ผิวหนังนะคะ แต่ต้องยอมรับว่าโอกาสที่จะเกิดปัญหาระยะยาวนั้นน้อยกว่ามาก ที่สำคัญโอกาสการเกิดปัญหาทะลุของซิลิโคนก็น้อยมากอีกด้วยค่ะ อย่างไรก็ตามการวางถุงซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อหรือระหว่างกล้ามเนื้อนั้นจำเป็นต้องใช้ความชำนาญของศัลยแพทย์อย่างมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อเส้นประสาทนั่นเองค่ะ
-
วางซิลิโคนใต้พังผืดกล้ามเนื้อ
ศัลยแพทย์จะเริ่มผ่าตัดบริเวณระหว่างชั้นพังผืด และกล้ามเนื้อ เพื่อเปิดช่องสำหรับใส่ถุงซิลิโคน ซึ่งต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า วิธีนี้จะไม่เกิดผลกระทบต่อเส้นประสาท แถมยังช่วยให้สะโพกนูนสวยได้อย่างชัดเจนอีกด้วยค่ะ
ปัจจุบันต้องขอบอกก่อนว่าตำแหน่งที่ได้รับความนิยมในการทำหัตการก็คงหนีไม่พ้นการวางถุงซิลิโคนในตำแหน่งที่สอง ก็คือระหว่างชั้นกล้ามเนื้อนั่นเองค่ะ ด้วยผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ รวมไปถึงความปลอดภัยที่สูง ส่งผลให้ตำแหน่งนี้เป็นจุดที่เหมาะสมที่สุดในการวางถุงซิลิโคนนั่นเอง
ตำแหน่งของแผลผ่าตัดเสริมสะโพก
-
แผลบริเวณขอบบนสะโพกสองข้าง
การเปิดแผล 2 ข้างสามารถช่วยให้ทำหัตถการได้ง่ายยิ่งขึ้น แผลจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อถอดเสื้อผ้า อย่างไรก็ตามศัลยแพทย์จะซ่อนแผลไว้ในจุดที่อยู่ใต้เสื้อผ้าเพื่อให้ยากต่อการมองเห็นนั่นเองค่ะ
-
แผลบริเวณขอบล่างของสะโพก
การเปิดแผลลักษณะนี้จะง่ายต่อการใส่ถุงซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อนะคะ แถมแผลจะอยู่บริเวณรอยต่อของสะโพกกับต้นขาอีกด้วยค่ะ แต่ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่าข้อเสียของการเปิดแผลลักษณะนี้จะทิ้งรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัดไว้ค่ะ
-
เปิดแผลบริเวณกลางกระดูกก้นกบ
ศัลยแพทย์จะเปิดแผลเพียงแผลเดียวเท่านั้นค่ะ ความยาวแผลประมาณ 5-7 เซนติเมตร บริเวณร่องก้นหรือแนวกระดูกก้นกบค่ะ ข้อดีของการผ่าตัดด้วยวิธีนี้ก็คือจะไม่สามารถมองเห็นแผลเป็นได้อย่างชัดเจนค่ะ ในส่วนของข้อเสียก็คือโอกาสการติดเชื้อ รวมไปถึงโอกาสที่จะมีเลือดหรือน้ำเหลืองคั่งจะมีมากกว่าอีกด้วยค่ะ
เสริมสะโพก ที่ไหนดีโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชดีอย่างไร
ปัญหาสะโพกรีบแบนไม่สวย ไร้ส่วนเว้า ส่วนโค้ง เป็นปัญหาหลัก ๆ ของสาว ๆ ที่มีความฝันอยากได้หุ่นสวย ๆ ไว้อวดเพื่อน ต้องขอบอกก่อนเลยว่า ปัจจุบันนั้นหัตถการเสริมสะโพกเพื่อเพิ่มส่วนเว้า ส่วนโค้งนั้นกำลังมาแรงไม่แพ้หัตถการใดเลยก็ว่าได้ค่ะ
อย่างที่เราทราบกันดีว่าสถานบันเสริมความงามนั้นผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ซึ่งมีให้เลือกเยอะมาก ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็มีหลายด้านมาก ๆ ค่ะ ทำให้เกิดข้อสงสัยในใจว่า “เอ๊ะ แล้วแบบนี้เราจะเลิกศัลยกรรมเสริมสะโพกที่ไหนดี” มาถึงหัวข้อนี้แล้วจะขอพาทุกคนไปไขข้อสงสัยนี้กันนะคะ เพราะว่าด้วยเรื่องของความสวยความงามแล้ว จำเป็นจะต้องพิถีพิถันในการเลือกสถานพยาบาลเพื่อทำหัตถการอย่างมากค่ะ ในส่วนของการพิจารณานั้น เราควรพิจารณาจากอะไรบ้างไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
-
ความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาล
โรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐาน มีความพร้อมของทีมแพทย์ เครื่องมือและอุปกรณ์ รวมถึงห้องผ่าตัดที่ได้รับมาตารฐานค่ะ
-
ความชำนาญของแพทย์
อย่างแรกที่ต้องพิจารณาเลยคือ แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของแพทย์ ซึ่งสามารถดูได้จากรีวิวของผู้เข้ารับบริการจริง, ประสบการณ์ของแพทย์, ความน่าเชื่อถือ, ใบประกอบวิชาชีพ และการให้คำปรึกษาของแพทย์ ซึ่งข้อดีของการปรึกษาแพทย์โดยตรง ทำให้เรารู้วิธีการรักษา ความน่าเชื่อถือของแพทย์ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถอธิบาย ให้คำแนะนำได้อย่างละเอียดและถูกต้องค่ะ
-
ห้องผ่าตัด เครื่องมือที่ได้รับมาตรฐาน
เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการศัลยกรรมเสริมสะโพก ของเรามีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายระหว่างผ่าตัด จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับมาตรฐานของโรงพยาบาลให้ดี รวมไปถึงเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อด้วยนะคะ
-
ราคาและโปรโมชั่นต่างๆ
การเลือกศัลยกรรมเสริมสะโพก กับคลินิกทั่วไปเพราะราคาถูกนั้น อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ หรือแย่กว่าที่คาดหวังไว้ เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมามากมาย ดังนั้นก่อนเราจะตัดสินใจ ควรสอบถามข้อมูล ราคา โปรโมชั่นต่าง ๆ ให้ชัดเจนเสียก่อน รวมไปถึงตรวจเช็ครีวิวจากคนไข้จริงให้ดี เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงฝีมือแพทย์ และผลลัพธ์ที่เราควรได้รับอีกด้วยค่ะ
โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชเป็นชั้นนำที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ได้รับมาตรฐาน พร้อมด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อ นำทีมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและให้คำปรึกษาปัญหาแบบครบวงจร การันตีฝีมือด้วยเคสรีวิวจากลูกค้าจริงมากมาย คนไข้สามารถมั่นใจเลยว่าจะได้รับความปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ
การเตียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดนั้นสำคัญนะคะ เพราะจะช่วยให้การผ่าตัดนั้นดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น แถมยังช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังเข้ารับการผ่าตัดได้อีกด้วยค่ะ ในส่วนของการเตรียมตัวนั้นมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
- อันดับแรกของการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดเลย ก็คือ เราควรแจ้งประวัติโรคประจำตัว การแพ้ยา แพ้อาหารให้แพทย์ทราบโดยละเอียดนะคะ อ้อ รวมไปถึงยาที่จำเป็นต้องรับประทานเป็นประจำด้วยนะคะ
- ต่อมาก็เตรียมลางานล่วงหน้า 5-10 วันได้เลยค่ะ เพราะการทำหัตถการดังกล่าวจำเป็นต้องพักฟื้น เพื่อลดโอกาสเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาภายหลังนะ
- งดวิตามินทุกชนิด รวมไปถึงอาหารเสริมทุกตัวก่อนก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 14 วันเลยนะคะ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮร์ หรือมีเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอร์ และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 14 วันก่อนเข้ารับการผ่าตัดค่ะ
- พอถึงวันผ่าตัดหากคนไข้มีอาหารท้องเสีย แนะนำว่าให้เลื่อนการผ่าตัดไปก่อนจนกว่าอาการดังกล่าวจะหายดีนะคะ เพราะหากเสริมสะโพกไปขณะที่มีอาการท้องเสีย จะขับถ่ายค่อนข้างลำบากนะคะ
- ไม่ควรทำหัตถการเสริมสะโพกควบคู่กับหัตถการเสริมหน้าอก หรือแปลงเพศนะคะ เพราะว่าในช่วงของการทำหัตถการ การพักฟื้นคนไข้จำเป็นต้องนอนคว่ำค่ะ
- ในวันที่คนไข้เดินทางเข้ามาผ่าตัดแนะนำว่าให้พาผู้ติดตามหรือญาติมาด้วยนะคะ เพราะหลังการผ่าตัดต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดนั่นเอง
- คนไข้ไม่ควรสวมเครื่องประดับทุกชนิด และควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการผ่าตัดค่ะ
- ควรงดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัด 6 ชั่วโมงนะคะ เพราะการผ่าตัดเสริมสะโพกนี้ ต้องวางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั่นเองค่ะ
การดูแลตัวเองหลังเข้ารับการผ่าตัด
หลังเข้ารับการผ่าตัดคนไข้อาจมีอาการปวด ๆ บริเวณที่ทำศัลยกรรม ต้องขอบอกก่อนเลยว่านับว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ เพราะอาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปค่ะ ในส่วนของการดูแลตัวเองหลังเข้ารับการผ่าตัดนั้นก็ไม่ยากเลยค่ะ เพราะศัลยแพทย์จะอธิบายการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการเสริมสะโพกให้คนไข้ทราบโดยละเอียดค่ะ ในบทความนี้ก็จะขอพาไปไขข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันค่ะ การดูแลตัวเองจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
- หลังจากผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะให้คนไข้นอนพักที่ห้องพักฟื้นประมาณ 2-3 วันค่ะ เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วแพทย์จะใส่สายระบายน้ำเหลืองในช่วง 2-3 วันหลังเข้ารับการผ่าตัด เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดหรือน้ำเหลืองคั่งบริเวณผ่าตัดค่ะ
- หลังเข้ารับการผ่าตัดคนไข้สามารถลุกขึ้นนั่งได้ แต่แบบไม่ทิ้งน้ำหนักไม่เต็มก้นนะคะ ช่วงนี้สามารถเข้าห้องน้ำ ทำความสะอาดร่างกายได้ตามปกติเลยค่ะ
- แนะนำว่าให้นอนคว่ำในช่วง 7 วันแรก คนไข้สามารถนอนตะแคงข้างได่นะคะ แต่ยังไม่แนะนำให้นอนหงายค่ะ เพราะหากคนไข้นอนหงายจะกดทับแผลและถุงซิลิโคนนั่นเอง
- แนะนำให้ทำแผลทุกวัน โดยใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือสำหรับล้างแผล เช็ดเบา ๆ บริเวณปากแผลนะคะ อย่าให้มีคราบเลือดหรือคราบน้ำเหลืองติดบริเวณปากแผลนะ เพื่อให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น คนไข้ต้องเช็ดทำความสะอาดแผลทุกวันจนกระทั่งตัดไหม 14 วันเลยนะคะ
- หลังจากครบ 7 วันไปแล้วคนไข้สามารถนั่งได้แล้วค่ะ แต่ต้องนั่งบนหมอนนิ่มๆนะคะ คนไข้ควรพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ สามารถเดินเล่นได้บ้าง นั่งได้บ้าง แต่ช่วงนี้อาจจะมีอาการเจ็บอยู่บ้างนะคะ
- หลังจากศัลยกรรมไปแล้ว 60 วัน คนไข้สามารถออกกำลังกายหนัก ๆ ได้แล้วนะคะ
- ช่วงแรกอาจพบว่ามีอาการปวดบริเวณสะโพกค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลใจนะคะ เพราะอาการดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วง 1-3 เดือนหลังเข้ารับการผ่าตัดค่ะ
- โดยทั่วไปแล้วหลังเข้ารับการผ่าตัดจะพบว่ามีเลือดและน้ำเหลืองออก ดังนั้นศัลยแพทย์จำเป็นต้องใส่สายระบายเพื่อระบายของเหลวดังกล่าวในช่วง 2-3 วันแรกนั่นเองค่ะ
- การติดเชื้อ ต้องบอกก่อนเลยว่าอาการติดเชื้อนั้นพบได้น้อยมากค่ะ หากพบว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้น แนะนำว่าให้กลับไปพบแพทย์เพื่อเอาซิลิโคนออกแล้วควรรอ 3 เดือน จึงสามารถกลับมาทำหัตถการใหม่อีกครั้ง
- พังผืดหดรัด อาการดังกล่าวพบได้น้อยกว่าการศัลยกรรมเสริมหน้าอกมากค่ะ เนื่องจากบริเวณสะโพกนั้นมีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอนั่นเอง
- โอกาสเกิดการกระทบกระเทือนเส้นประสาท ต้องบอกก่อนเลยว่าอาการดังกล่าวก้พบได้น้อยเช่นเดียวกันค่ะ เพราะเส้นประสาทนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างลึก
- อาการชาหรืออาการร้อน-เย็น บริเวณแก้มก้น อาการนี้ไม่ค่อยอันตรายค่ะ สามารถหายได้เองแต่ใช้เวลา 2-3 เดือนเลย