ไขมันบริเวณหน้าท้อง ถือเป็นไขมันส่วนเกินของร่างกาย ที่ทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกเสียความั่นใจได้ การมีหุ่นที่สวยเป๊ะ คงเป็นเป้าหมายของหนุ่ม ๆ สาว ๆ ด้วยหลายปัจจัยที่ทำให้เราปั้นหุ่นไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การออกำลังกายเพราะการจะ ลดหน้าท้อง ให้มีหุ่นที่ผอมเพียวได้ต้องมีวินัย และความอดทนเป็นอย่างมาก
สำหรับที่ไม่ค่อยมีเวลา หรือขี้เกียจออกกำลังกาย จนทำให้ไม่สามารถ ลดหน้าท้อง ด้วยตัวเองได้ แต่ในยุคนี้เราสามารถมีหุ่นที่ผอมเพียวได้ด้วยการพึ่งคุณหมอค่ะ ทั้งการดูดไขมัน การศัลยกรรมผ่าตัดหนังหน้าท้อง จะช่วยมีหน้าท้องที่แบนราบ เรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติได้
ปัญหาหน้าท้องหย่อนยาน ไม่กระชับเกิดจากอะไร?
ปัญหาหน้าท้องหย่อนยาน หน้าท้องย้อย ไม่กระชับ ไม่ได้เกิดจากไขมันส่วนเกินเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะหน้าท้องส่วนล่าง สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัยจัย โดยมีปัยจัยที่พบบ่อยดังนี้ค่ะ
- การตั้งท้องลูกหลายคน หลังคลอดเหล่าคุณแม่จะมีหน้าท้องลาย และหย่อนคล้อย เนื่องจากตอนตั้งครรภ์หนังบริเวณหน้าท้องมีการขยายตัวใหญ่ ซึ่งเมื่อคลอดแล้วหนังหน้าท้องบริเวณนี้จะไม่สามรถหดกลับไปกระชับเหมือนเดิมได้
- ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งจะทำให้ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น เมื่อรับประทานอาหารมากไป ร่างกายจะเผาผลาญไม่ทัน จึงทำให้เกิดการสะสมของไขมันได้
- การลดน้ำหนักที่เร็วเกินไป อาจเกิดจากการลดน้ำหนักที่ผิดวิธี เมื่อน้ำหนังลดลงเร็วเกินไปส่งผลให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ผิวหนังที่เคยขยาย หดตัวไม่ทันกับน้ำหนักที่ลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เกิดการหย่อนคล้อยได้
วิธีการลดหน้าท้องสำหรับผู้ชายกับผู้หญิงต่างกันไหม?
การลดหน้าท้องสำหรับผู้ชาย และผู้หญิงนั้นสามาถใช้วิธีการลดรูปแบบเดียวกันได้ แต่แพทย์จะเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับปริมาณไขมันแต่ละคนที่แตกต่างกัน โดยพื้นฐานร่างกายของผู้ชายจะมีระดับฮอร์โมนเทสโทสโรนสูงกว่าร่างกายผู้หญิง ซึ่งฮอร์โมนเทสโทสโรนเป็นที่ช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้นแล้วร่างกายผู้ชายจะมีการสร้างกล้ามเนื้อ และลดไขมันส่วนเกินได้ดีกว่าร่างกายผู้หญิงเล็กน้อย
การผ่าตัดลดหน้าท้องเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีหน้าท้องหย่อนคล้อยจากการคลอดบุตร
- ผู้ที่มีหน้าท้องหย่อนคล้อยจากการลดน้ำหนัก
- ผู้ที่หน้าท้องหย่อนคล้อยจากการดูดไขมัน
- ผู้ที่เคยอ้วนมาก หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก สะสมมาเป็นเวลานาน เมื่อลดน้ำหนักไขมันจะหายไปส่งผลให้ผิวหนังหย่อนยาน ไม่สามารถหดกลับเข้าที่เดิมได้นั่นเอง
ลดหน้าท้อง มีวิธีอะไรบ้าง ?
- การทำIF (Intermittent Fasting)
คือการจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาคือเวลาที่รับประทานอาหาร และช่วงเวลางดอาหาร ซึ่งวิธีนี้เป็นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะการทำ IF จะช่วยเปลี่ยนกระบวนการทำงานของร่างกาย เช่น ระดับฮอร์โมนเผาผลาญไขมัน การสลับการใช้พลังงานระหว่างน้ำตาล และไขมัน จะช่วยให้ร่างกายปรับระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมทั้งลดน้ำหนักได้อีกด้วยค่ะ
- ฉีดสลายไขมัน
เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยการฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นไขมัน บริเวณจุดที่ต้องการจะสลายไขมัน เมื่อฉีดเข้าไปแล้วตัวยาจะเข้าสลายไขมันส่วนเกิน หลังการฉีดจะทำให้ไขมันแตกตัว และถูกขับออกมาทางระบบขับถ่าย เช่น ปัสสาวะ เหงื่อ เป็นต้น การฉีดสลายไขมันอาจช่วยลดไขมัน แต่ไม่สามารถทำให้น้ำหนักตัวลด หรือลดความอ้วนได้ถาวร
- สลายไขมันด้วยความเย็น
วิธีการนี้จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่าเครื่อง Cryolipolysis หรือ CoolSculpting ซึ่งทำงานด้วยการลดอุณหภูมิในบริเวณที่มีไขมัน โดยเครื่องมือจะทำให้อุณหภูมิของผิวหนังลดลงไปในระดับต่ำสุด เจาะจงเฉพาะบริเวณที่มีไขมัน ซึ่งเซลล์ไขมันจะมีความไวต่ออุณหภูมิมากกว่าเซลล์อื่น ๆ ดังนั้นจะทำให้เซลล์ไขมันถูกทำลาย และกำจัดออกจากร่างกายโดยไม่ทำลายผิวหนังชั้นนอก แต่จะต้องทำซ้ำจุดเดิมมากกว่าหนึ่งครั้ง จึงจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
- ดูดไขมัน
การศัลยกรรมดูดไขมัน เป็นการลดไขมัน กำจัดไขมันเฉพาะจุดในบริเวณที่ลดได้ยาก หรือไม่สามารถลดลงได้ด้วยวิธีการอื่น การดูดไขมันทำได้โดยการเปิดแผลขนาดเล็กบนผิวหนัง แล้วนำเครื่องมือดูดไขมันที่เชื่อมต่อกับท่อ ดูดออกจากบริเวณที่ต้องการ คนไข้ที่เข้ารับการดูดไขมัน จะได้ทำการฉีดสลายในบริเวณนั้นก่อนการดูดไขมัน การดูดไขมันไม่ใช่การทำให้ไขมันในร่างกายหายไปแบบถาวร ดังนั้นควรควบคุมอาหารหลังจากการดูดไขมันเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานที่สุด
- ผ่าตัดหนังหน้าท้อง
การศัลยกรรมผ่าตัดหนังหน้าท้อง เป็นการศัลยกรรมเพื่อปรับรูปร่าง และลดขนาดของหน้าท้อง โดยการตัดหนังหน้าท้องส่วนเกินออก หรือหนังหน้าท้องที่หย่อนคล้อยจากการคลอดบุตร ลดน้ำหนัก ซึ่งวิธีการนี้เป็นทางเลือกสำหรับผู้หญิง และผู้ชายที่ต้องการลดหน้าท้องให้เรียบเนียน มีรูปร่างที่ดูผอมเพียว
ดูดไขมัน VS ตัดหนังลดหน้าท้องต่างกันอย่างไร
การดูดไขมันเป็นการศัลยกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาสำหรับคนที่มีหน้าท้องใหญ่ หรือผู้ที่ออกกำลังกายแล้วสัดส่วนไม่ลด จะใช้เครื่องดูดไขมันเฉพาะจุดให้สัดส่วนกระชับขึ้นได้ แต่การศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้อง จะช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่มีหน้าท้องหย่อนคล้อย มีหนังหน้าท้องย้อยจากการคลอดบุตร การตัดหนังเป็นวิธีที่ช่วยปัญหาเหล่านี้ได้ สำหรับใครที่ลังเลอยู่ว่าจะทำศัลยกรรมดูดไขมัน หรือตัดหนังหน้าท้องดี มาดูข้อแตกต่างเปรียบเทียบกันเลยค่ะ
- การดูดไขมัน
เหมาะสำหรับ คนไข้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินในส่วนที่ลดยาก หรือไม่สามารถลดได้ด้วยตนเอง โดยการดูดไขมันสามารถทำได้แทบทุกจุดในร่างกาย จะมีแผลขนาดเล็กเพียง 0.5 เซนติเมตร อีกทั้งยังไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน หลังการดูดไขมันสามารถใช้ชีวติประจำวันได้ตามปกติค่ะ
- การผ่าตัดหนังหน้าท้อง
เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาหน้าท้องหย่อนคล้อย หน้าท้องย้อยเหี่ยวย่น ที่เกิดจากน้ำหนักที่ลดเร็วเกินไป หรือหน้าท้องย้วย แตกลาย ของคุณแม่หลังคลอด โดยการผ่าตัดศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้อง จะเป็นการกำจัดไขมัน และผิวหนังส่วนเกินออก พร้อมทั้งสามารถแก้ไขตัดแต่งสะดือได้อีกด้วย ซึ่งแผลผ่าตัดจะมีความยาวตามแนวขอบกางเกง หลังการผ่าตัดจำเป็นต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 1 – 2 วัน
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดหนังหน้าท้อง
การศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้อง เป็นการผ่าตัดที่มีวิธีการซับซ้อน และมีโอกาสเกินภาวะแทรกซ้อนได่ง่าย ซึ่งภาวะแทรกซ้อนอาจแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกาย ดังนั้นการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้การผ่าตัดออกมาสมบูรณ์แบบ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้ค่ะ
- ปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมินรูปร่าง สัดส่วน ให้ผลลัพธ์การผ่าตัดออกมาตรงตามความต้องการของคนไข้
- แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการรักษา การแพ้ยา และยาที่ใช้รักษาในปัจจุบัน ให้แพทย์ทราบเพื่อพิจารณาหยุดยาบางชนิด
- งดยาแอสไพริน วิตามิน อาหารเสริมที่ส่วนประกอบของน้ำมัน ก่อนเข้ารับการผ่าตัด 4 – 6 สัปดาห์ เนื่องจะทำให้เลือดออกมากขณะผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับการผ่าตัด 2 – 4 สัปดาห์ เพราะสารในบุหรี่มีผลต่อปริมาณออกซิเจนในเลือด อาจส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณผ่าตัดไม่เพียงพอ
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 – 2 วัน ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดน้ำ งดอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง หรือตามคำสั่งของแพทย์ เพื่อป้องกันการสำลักอาหารระหว่างการผ่าตัด
- ช่วงก่อนวันผ่าตัดควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ เนื่องจากหลังการผ่าตัดจะไม่สามารถลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายอุจระได้
ขั้นตอนการผ่าตัดหนัง ลดหน้าท้อง
การผ่าตัดศัลยกรรมหนังหน้าท้อง จะมีแผลผ่าตัดที่ค่อนข้างยาว แผลจะถูกซ่อนอยู่ตามแนวขอบกางเกงมีขั้นตอนการผ่าตัดดังนี้ค่ะ
- แพทย์จะประเมินตำแหน่ง ปริมาณไขมัน ขนาดหน้าท้องส่วนเกินที่จะทำการตัดออก
- แพทย์จะทำการเลาะแยกชั้นไขมันออกจากชั้นกล้ามเนื้อหน้าท้อง ตามตำแหน่งที่กำหนด
- จากนั้นแพทย์เย็บกล้าเนื้อเข้าหากัน ตัดไขมัน และหนังหน้าท้องส่วนเกินออก พร้อมดึงชั้นผิว กับชั้นไขมันส่วนที่เหลือให้ตึงกระชับ
- จัดตำแหน่งสะดือให้สวยสมส่วนกับรูปร่างหน้าท้อง จากนั้นทำการเจาะตำแหน่งสะดือใหม่
- เย็บปิดแผลที่ชั้นใต้ผิวหนัง และชั้นผิวหนัง
- ใส่สายระบายเลือด เเละน้ำเหลือง สายระบายนี้จะถูกนำออกเมื่อเลือดน้ำเหลืองไหลน้อย หรือไม่ไหลแล้ว
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด ลดหน้าท้อง
หลังการผ่าตัดศัลยกรรมเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คนไข้จะต้องดูแลตัวเอง เพื่อเร่งฟื้นร่างกายให้หายจากการผ่าตัด ให้กลับมาสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว ควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งอย่าละเลยการนัดหมายของแพทย์ เพื่อติดตามอาการหลังการผ่าตัด และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา ควรปฏิบัติดังนี้
- หลังการผ่าตัดหนังหน้าท้องควรพักฟื้นนที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 1 – 2 วัน หรือจนกว่าจะเอาสายระบายของเหลวออก
- หลังการผ่าตัด 1 – 2 วันแรก ให้นอนในท่างอตัว เพื่อบรรเทาอาการปวดตึงแผลบริเวณผ่าตัด
- ระหว่างการพักฟื้นหาก ไอ จาม หัวเราะ หรือถ่ายท้อง ให้ใช้หมอกดท้องไว้ให้แน่น เพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณที่ผ่าตัด
- แผลผ่าตัดจะบวมที่สุดในช่วง 3 วันแรก แผลจะค่อย ๆ ยุบจากอาการบวมภายใน 2 – 4 สัปดาห์ และยุบเต็มที่ภายใน 3 เดือน
- งดการออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมทางเพศ หลังการผ่าตัดอย่างน้อย 6 สัปดาห์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการกระทบบริเวณแผลผ่าตัดได้
- สามารถอาบน้ำได้หลังจากที่เอาสายระบายน้ำเหลืองออกแล้ว 2 วัน
- งดยกของหนักเกิน 2 กิโลกรัมประมาณ 6 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
- ใส่ที่รัดหน้าท้องไว้อย่างน้อย 6 สัปดาห์ หลังการผ่าตัด เพื่อช่วยพยุงหน้าท้อง ลดอาการบวม และให้ได้รูปทรงที่สวยงาม